แนวข้อสอบ
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2537
1. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2537 มีผลบังคับตามข้อใด
ก. วันที่ 1 เมษายน 2537
ข. ทันทีที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. วันพ้นกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ก. วันที่ 1 เมษายน 2537
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2537 เป็นต้นไป
2. ผู้รักษาการตามระเบียบนี้คือ
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี
ข. นายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ง. ปลัดกระทรวงการคลัง
ตอบ ง. ปลัดกระทรวงการคลัง
ข้อ 5 ให้ปลัดกระทรวงการคลังรักษาการตามระเบียบนี้
3. การปฏิบัติตามข้อใดถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. การรักษาความลับของทางราชการ
ข. ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ค. การประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
ง. สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ตอบ ค. การประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
ข้อ 32 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัตหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ และต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
การประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
4. ลูกจ้างประจำที่มีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในสามสิบวัน ได้ถูกสั่งลงโทษตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. ใด
ก. พ.ศ. 2515
ข. พ.ศ. 2525
ค. พ.ศ. 2535
ง. พ.ศ. 2545
ตอบ ข. พ.ศ. 2515
ข้อ 70 ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งลงโทษ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2525 ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตาม ข้อ 64
5. ข้อใดต่อไปนี้มิใช่คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำ
ก. มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี
ข. อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี
ค. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง
ง. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
ตอบ ข. อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี
ข้อ 6 ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี
(3) เป็นผู้เสื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(4) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งกำนัน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
(5) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง
ฯลฯ
6. ในระหว่างที่ยังมิได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อปฏิบัติการตามระเบียบนี้ ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้แล้วตามข้อใดมาบังคับใช้
ก. ระเบียบสำนักนายกว่าด้วยลูกจ้างประจำ พ.ศ. 2525
ข. ระเบียบสำนักนายกว่าด้วยลูกจ้างประจำ พ.ศ. 2530
ค. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2525
ง. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2530
ตอบ ค. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2525
ข้อ 68 ในระหว่างที่ยังมิได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อปฏิบัติการตามระเบียบนี้ ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้แล้ว ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2525 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
7. การลงโทษลูกจ้างประจำให้ดำเนินการตามข้อใด
ก. ทำเป็นคำสั่ง
ข. ทำเป็นหนังสือ
ค. ทำเป็นประกาศกระทรวงการคลัง
ง. ทำเป็นคำสั่งและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ก. ทำเป็นคำสั่ง
ข้อ 49 การลงโทษลูกจ้างประจำให้ทำเป็นคำสั่ง ผู้สั่งลงโทษต้องสั่งลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด และมิให้เป็นไปโดยความพยาบาท โดยอคติหรือโดยโสทะจริต หรือลงโทษผู้ไม่มีความผิด ในคำสั่งลงโทษให้แสดงว่าผู้ถูกลงโทษได้กระทำผิดวินัยในการกรณีใดตามข้อใด
8. หน่วยงานใดเป็นผู้กำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของลูกจ้างประจำ
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี
ข. กระทรวงการคลัง
ค. ปลัดกระทรวงการคลัง
ง. คณะรัฐมนตรี
ตอบ ข. กระทรวงการคลัง
ข้อ 7 คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของลูกจ้างประจำให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ กระทรวงการคลังอาจอนุมัติให้แต่งตั้งลูกจ้างประจำที่มีคุณสมบัติต่างไปจากคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตามที่กำหนดไว้ก็ได้
9. ลูกจ้างประจำผู้ใดปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ และปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพเป็นที่พึงพอใจของทางราชการถือว่าผู้นั้นมีความชอบ จะได้รับบำเหน็จความชอบในรูปแบบต่างๆตามแก่กรณี ยกเว้นข้อใด
ก. คำชมเชย
ข. เครื่องเชิดชูเกียรติ
ค. การได้เลื่อนขั้นตำแหน่ง
ง. รางวัล
ตอบ ค. การได้เลื่อนขั้นตำแหน่ง
ข้อ 22 ลูกจ้างประจำผู้ใดปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ และปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พึงพอใจของทางราชการ ถือว่าผู้นั้นมีความชอบ จะได้รับบำเหน็จความชอบซึ่งอาจเป็นคำชมเชย เครื่องเชิดชูเกียรติ รางวัล หรือการได้เลื่อนขั้นค่าจ้าง ตามควรแก่กรณี
10. การปฏิบัติหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามข้อใด ถือว่าเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. ลูกจ้างประจำต้องรักษาวินัยโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ
ข. ลูกจ้างประจำต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ค. ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม
ง. ลูกจ้างประจำต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความความก้าวหน้าแก่ราชการ
ตอบ ค. ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม
ข้อ 30 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม
ห้ามมิให้อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอำนาจหน้าที่ราชการของตน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการและเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
11. ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการตามระเบียบนี้ด้วยเหตุใดๆ ให้ผู้นั้นมีสิทธิร้องทุกข์ได้ภายในกี่วัน
ก. สิบห้าวัน
ข. สามสิบวัน
ค. สี่สิบวัน
ง. หกสิบวัน
ตอบ ข. สามสิบวัน
ข้อ 65 ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการตามระเบียบนี้ด้วยเหตุใดๆ ให้ผู้นั้นมีสิทธิร้องทุกข์ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง
12. ข้อใดต่อไปนี้มิใช่โทษทางวินัย
ก. ภาคทัณฑ์
ข. ตัดค่าจ้าง
ค. ปลดออก
ง. พักราชการ
ตอบ ง. พักราชการ
ข้อ 48 โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ
(1) ภาคทัณฑ์
(2) ตัดค่าจ้าง
(3) ลดขั้นค่าจ้าง
(4) ปลดออก
(5) ไล่ออก
13. ลูกจ้างประจำที่ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อกันในคราวเดียวกันเป็นระยะเวลาเท่าใด ถือว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. เกินกว่าสามวัน
ข. เกินกว่าเจ็ดวัน
ค. เกินกว่าสิบห้าวัน
ง. เกินกว่าสามสิบวัน
ตอบ ค. เกินกว่าสิบห้าวัน
ข้อ 40 ลูกจ้างประจำต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการมิได้ การละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือโดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
14. ปลัดกระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างประจำออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างได้ ยกเว้นข้อใด
ก. เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ำเสมอ
ข. เมื่อลูกจ้างประจำขาดงานติดต่อกันเกินสามวันขึ้นไป
ค. เมื่อทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งนั้น
ง. เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ
ตอบ ข. เมื่อลูกจ้างประจำขาดงานติดต่อกันเกินสามวันขึ้นไป
ข้อ 60 ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 มีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างประจำออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างได้ และการสั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จ นอกจากให้ทำได้ในกรณีที่กำหนดไว้ในข้ออื่นของระเบียบนี้แล้ว ให้ทำได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วยคือ
(1) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ำเสมอ
(2) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดขาดคุณสมบัติตาม ข้อ 6 (1) (4) (5) (6) (9) หรือ (10)
(3) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไป ตาม ข้อ 6 (3)
(4) เมื่อทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งใด ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 สั่งให้ลูกจ้างประจำผู้ดำรงตำแหน่งนั้นออกจากราชการได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด หรือ
(5) เมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการได้
15. ระเบียบฉบับนี้ประกาศไว้ ณ วันที่เท่าใด
ก. วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2537
ข. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537
ค. วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2537
ง. วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2537
ตอบ ค. วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2537
16. ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างประจำของส่วนราชการที่ได้รับค่าจ้างจาก
ก. เงินงบประมาณรายจ่าย
ข. เงินงบประมาณของแผ่นดิน
ค. เงินงบประมาณภาษีของประชาชน
ง. เงินงบประมาณเงินเดือน
ตอบ ก. เงินงบประมาณรายจ่าย
ข้อ 4 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างประจำของส่วนราชการที่ได้รับค่าจ้างจากเงินงบประมาณรายจ่าย
17. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใด ให้บรรจุและแต่งตั้งตามข้อใด
ก. ตามลำดับคะแนนจากมากไปหาน้อย
ข. ตามลำดับภูมิภาคของผู้สอบคัดเลือก
ค. ตามลำดับบัญชีผู้สอบคัดเลือกได้
ง. บรรจุและแต่งตั้งอย่างไรก็ได้
ตอบ ค. ตามลำดับบัญชีผู้สอบคัดเลือกได้
ข้อ 11 การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใด ให้บรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบคัดเลือกได้หรือผู้ได้รับคัดเลือกในตำแหน่งนั้น โดยบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบคัดเลือกได้หรือผู้ได้รับคัดเลือก เว้นแต่การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำตาม ข้อ 19 และ ข้อ 20
18. ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำซึ่งขาดสมบัติในข้อใด กระทรวงการคลังอาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้
ก. เคยเป็นบุคคลล้มละลาย
ข. เคยต้องรับโทษจำคุก
ค. เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ 6 ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังต่อไปนี้
(8) ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม
(10) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(11) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพราะกระทำความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(15) ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ
ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำซึ่งขาดคุณสมบัติตาม (8) (10) (11) หรือ (15) กระทรวงการคลังอาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้
19. ส่วนราชการใดไม่อาจปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในระเบียบฉบับนี้ได้ จะต้องปฏิบัติตามข้อใด
ก. ทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง
ข. กำหนดระเบียบหรือข้อข้อบังคับขึ้นใช้ภายในเอง
ค. ขออนุญาตกับคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก. ทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง
ข้อ 10 ส่วนราชการใดมีความจำเป็นไม่อาจปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นรายๆ ไป
20. ลูกจ้างประจำซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองงาน และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่น จะต้องปฏิบัติตามข้อใด
ก. ให้เริ่มทดลองงานใหม่ได้ทันที
ข. ให้เริ่มงานใหม่ได้ทันที
ค. จะต้องผ่านทดลองงานเดิมก่อน
ง. จะต้องได้รับความยิมยอมจากผู้บังคับบัญชาและลูกจ้างประจำผู้นั้น
ตอบ ก. ให้เริ่มทดลองงานใหม่ได้ทันที
ลูกจ้างประจำซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการผู้ใด ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่น ให้เริ่มทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการใหม่ ลูกจ้างประจำซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการผู้ใด ถูกสั่งให้ออกจากราชการตาม ข้อ 59 และต่อมาปรากฎว่าผู้นั้นมีกรณีที่จะต้องถูกสั้งให้ออกจากราชการตามวรรคสามหรือตามข้ออื่น ให้มีผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 มีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกตาม ข้อ 59 เป็นให้ออกจากราชการตามวรรคสามหรือตามข้ออื่นนั้นได้
21. ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่พัฒนาลูกจ้างประจำเพื่อให้รู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการตามข้อใด
ก. หลักและวิธีปฏิบัติราชการ
ข. แนวทางปฏิบัติตนเพื่อเป็นลูกจ้างประจำที่ดี
ค. บทบาทและหน้าที่ของลูกจ้างประจำ
ง. ถูกทั้งข้อ ก. ข. และ ค.
ตอบ ง. ถูกทั้งข้อ ก. ข. และ ค.
ข้อ 26 ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่พัฒนาลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้รู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการ หลักและวิธีปฏิบัติราชการ บทบาทและหน้าที่ของลูกจ้างประจำ แนวทางปฏิบัติตนเพื่อเป็นลูกจ้างประจำที่ดี และเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ทัศนคติที่ดี คุณธรรมและจริยธรรม อันจะทำให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
22. ข้อใดต่อไปนี้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. การกระทำการอย่างใดที่เป็นการกลั่นแกล้งในการปฏิบัติราชการระหว่างลูกจ้างประจำด้วยกัน
ข. การดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ
ค. ลูกจ้างประจำเป็นกรรมการผู้จัดการที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงห้างหุ้นส่วนจำกัด
ง. ฝ่าฝืนข้อห้ามหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางวินัยตามที่กำหนดไว้
ตอบ ข. การดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ
ข้อ 42 ลูกจ้างประจำต้องต้อนรับ ให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรมและให้การสงเคราะห์แก่ประชาชนผู้ติดต่อราชการเกี่ยวกับหน้าที่ของตนโดยไม่ชักช้า และด้วยความสุภาพเรียบร้อย ห้ามมิให้ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ
การดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
23. ลูกจ้างประจำผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ ให้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการต่อผู้บังคับบัญชา โดยยื่นล่วงหน้าก่อนวันที่จะขอลาออกอย่างน้อยกี่วัน
ก. ไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ข. ไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ค. ไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ง. ไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวัน
ตอบ ค. ไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ข้อ 58 นอกจากกรณีตามวรรห้า ลูกจ้างประจำผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ ให้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการต่อผู้บังคับบัญชา โดยให้ยื่นล่วงหน้าก่อนวันที่จะขอลาออกจากราชการไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เพื่อให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 เป็นผู้พิจารณาอนุญาต
24. ลูกจ้างประจำผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งคณะกรรมสอบสวน ให้ผู้มีอำนาจสั่งให้
ก. ภาคทัณฑ์
ข. ตัดค่าจ้าง
ค. ปลดออก
ง. พักราชการ
ตอบ ง. พักราชการ
ข้อ 55 ลูกจ้างประจำผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งคณะกรรมสอบสวน หรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 มีอำนาจสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาได้
25. ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะทำให้เสียหายแก่ราชการ ลูกจ้างประจำจะต้อง
ก. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น
ข. เสนอความเห็นทางวาจา
ค. เสนอความเห็นเป็นหนังสือ
ง. เรียกสอบสวนผู้บังคับบัญชา
ตอบ ค. เสนอความเห็นเป็นหนังสือ
ข้อ 36 ลูกจ้างประจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการ โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการโดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะทำให้เสียหายแก่ราชการ หรือจะเป็นการไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการจะเสนอความเห็นเป็นหนังสือทัน เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคำสั่งนั้นก็ได้ และเมื่อได้เสนอความเห็นแล้ว ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันให้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งเดิม ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตาม
26. ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งให้ออกในกรณีใดต่อไปนี้ ให้ถือเสมือนว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นลูกจ้างประจำ
ก. ลูกจ้างประจำอยู่ในระหว่างทดลองงาน และได้รับให้ดำรงตำแหน่งอื่น
ข. ลูกจ้างประจำอยู่ในระหว่างทดลองงาน และมีมูลว่ากระทำผิดวินัย
ค. ลูกจ้างประจำอยู่ในระหว่างทดลองงาน และมีการขาดงานเกิน 3 วันติดต่อกัน
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก. และ ข.
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข้อ ก. และ ข.
ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการตามวรรคสามหรือวรรคห้า ให้ถือเสมือนว่าผู้นั้นไม่เคยเป็นลูกจ้างประจำ แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงการปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือการรับค่าจ้าง หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับ หรือมีสิทธิที่จะรับจากทางราชการในระหว่างที่ผู้นั้นอยู่ระหว่าทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ
27. ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งลงโทษ ยกเว้นข้อใด
ก. ภาคทัณฑ์
ข. ตัดค่าจ้าง
ค. ปลดออก
ง. ลดขั้นค่าจ้าง
ตอบ ค. ปลดออก
ข้อ 51 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดค่าจ้าง หรือลดค่าจ้างตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อน จะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่สำหรับการลงโทษภาคทัณฑ์ให้ใช้เฉพาะกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อย หรือมีเหตุอันควรลดหย่อน ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษตัดค่าจ้าง ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นว่าผู้นั้นควรจะต้องได้รับโทษสูงกว่าที่ตนมีอำนาจสั่งลงโทษ ให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นที่มีอำนาจเพื่อให้พิจารณาดำเนินการเพื่อลงโทษตามควรแก่กรณี
28. ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาการเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำจากข้อใด
ก. คุณภาพและปริมาณงาน
ข. ประสิทธิภาพของงานที่ได้รับปฏิบัติมา
ค. ความสามารถในการปฏิบัติงาน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ 23 การเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโดยคำนึงถึงคุณภาพและปริมาณงาน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานที่ได้รับปฏิบัติมา ความสามารถและความอุตสาหะในการปฏิบัติงานตลอดจนการรักษาวินัยและการปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ ทั้งนี้ตามหลักและวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด
29. ในกรณีที่ลูกจ้างประจำผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้การลาออกมีผลตั้งแต่เมื่อใด
ก. วันที่ผู้นั้นขอลาออก
ข. วันที่ผู้บังคับบัญชาอนุมัติ
ค. ถัดจากวันที่ผู้นั้นขอลาออกหนึ่งวัน
ง. ถัดจากวันที่ผู้นั้นขอลาออกเจ็ดวัน
ตอบ ก. วันที่ผู้นั้นขอลาออก
ในกรณีที่ลูกจ้างประจำผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาและให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก
30. ผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งที่ได้รับบรรจุเป็นเวลาเท่าใด
ก. ไม่ต่ำกว่าสามเดือน แต่ไม่เกินหกเดือน
ข. ไม่ต่ำกว่าสี่เดือน แต่ไม่เกินเจ็ดเดือน
ค. ไม่ต่ำกว่าห้าเดือน แต่ไม่เกินเก้าเดือน
ง. ไม่ต่ำกว่าหกเดือน แต่ไม่เกินหนึ่งปี
ตอบ ง. ไม่ต่ำกว่าหกเดือน แต่ไม่เกินหนึ่งปี
ข้อ 14 ผู้ได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตาม ข้อ 11 วรรคหนึ่ง ให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งที่ได้รับบรรจุเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าหกเดือน แต่ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นต้นไป โดยอยู่ในความดูแลของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
31. หน่วยงานใดเป็นผู้กำหนดอัตราค่าจ้างลูกจ้างประจำ
ก. กระทรวงการคลัง
ข. กระทรวงกลาโหม
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. สำนักนายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. กระทรวงการคลัง
ข้อ 8 อัตราค่าจ้างลูกจ้างประจำให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
32. ลูกจ้างประจำจะต้องมีวินัยในข้อใด
ก. ต้องรักษาวินัยโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ
ข. ต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ค. ต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดี
ง. ถูกทั้ง ข้อ ก. ข. และ ค.
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข้อ ก. ข. และ ค.
ข้อ 28 ลูกจ้างประจำต้องรักษาวินัยโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ
ข้อ 29 ลูกจ้างประจำต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ข้อ 31 ลูกจ้างประจำต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ
33. ผู้ที่มีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติราชการของลูกจ้างประจำ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง เลื่อนขั้นค่าจ้าง พัฒนาลูกจ้างประจำ และเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการคือ
ก. ประชาชน
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวงการคลัง
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตอบ ค. ปลัดกระทรวงการคลัง
ข้อ 27 ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติราชการของลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง เลื่อนขั้นค่าจ้าง พัฒนาลูกจ้างประจำ และเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ และมีหน้าที่เสริมสร้างแรงจูงใจให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นลูกจ้างประจำ และปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
34. ลูกจ้างประจำออกจากราชการเมื่อ
ก. ถูกสั่งไล่ออก
ข. พ้นจากราชการ
ค. ลาออกจากราชการ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ 57 ลูกจ้างประจำออกจากราชการเมื่อ
(1) ตาย
(2) พ้นจากราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง
(3) ลาออกจากราชการ และได้รับอนุญาตให้ลาออกหรือการลาออกมีผลตาม ข้อ 58
(4) ถูกสั่งให้ออกตาม ข้อ 14 ข้อ 21 ข้อ 55 ข้อ 59 ข้อ 60 ข้อ 61 ข้อ 62 หรือ ข้อ 63 หรือ
(5) ถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก
35. บุคคลใดมีอำนาจสั่งบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำและการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. ปลัดกระทรวงการคลัง
ง. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ตอบ ค. ปลัดกระทรวงการคลัง
ข้อ 13 การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างประจำและการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ให้ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดี หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
36. วันเวลาทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปีของลูกจ้างประจำ ให้หน่วยงานใดเป็นผู้กำหนด
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี
ข. กระทรวงการคลัง
ค. ปลัดกระทรวงการคลัง
ง. คณะรัฐมนตรี
ตอบ ง. คณะรัฐมนตรี
ข้อ 9 วันเวลาทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปีของลูกจ้างประจำ ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดสำหรับข้าราชการพลเรือน
การลาหยุดราชการของลูกจ้างประจำ ให้นำระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการมาใช้บังคับโดยอนุโลม
37. ลูกจ้างประจำผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้โอนไปตำแหน่งในต่างกระทรวง ทบวง หากภายหลังปรากฎว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้น จะต้องปฏิบัติตามข้อใด
ก. ให้ผู้นั้นออกจากราชการทันที
ข. ให้ผู้นั้นกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม
ค. ให้ผู้นั้นดำรงตำแหน่งอื่นโดยพลัน
ง. ถูกทั้ง ข้อ ข. และ ค.
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข้อ ข. และ ค.
ข้อ 18 ลูกจ้างประจำผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตาม ข้อ 16 หรือ ข้อ 17 หากภายหลังปรากฎว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ตางตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้น โดยไม่ได้รับอนุมัติจากระทรวงการคลังอยู่ก่อน ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 แต่งตั้งให้ผู้นั้นกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นโดยพลัน แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติไปตามอำนาจและหน้าที่
38. การโอนลูกจ้างประจำให้ดำรงตำแหน่งในต่างกระทรวง ทบวง กรม ให้ดำเนินการเช่นใด
ก. ตำแหน่งที่จะโอนไปนั้นว่างแล้ว
ข. ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุในการโอนได้ตกลงยินยอม
ค. ผู้อำนาจสั่งบรรจุในการรับการโอนได้ตกลงยินยอม
ง. ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอม
ตอบ ง. ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอม
ข้อ 16 การโอนลูกจ้างประจำไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งลูกจ้างประจำในต่างกะทรวง ทบวง กรม อาจทำได้เมื่อผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอนนั้นแล้ว โดยให้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในระดับและรับค่าจ้างที่ไม่สูงกว่าเดิม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด
39. ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งลงโทษตามข้อใด
ก. ภาคทัณฑ์
ข. ตัดค่าจ้าง
ค. ปลดออก
ง. พักราชการ
ตอบ ค. ปลดออก
ข้อ 52 ลูกจ้างประจำผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ในกรณีที่สั่งลงโทษไล่ออก ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษต่ำกว่าปลดออก
ผู้ถูกสั่งลงโทษปลดออกตามวรรคหนึ่ง ให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ
40. ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามระเบียบนี้ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน
ก. สิบห้าวัน
ข. สามสิบวัน
ค. สี่สิบวัน
ง. หกสิบวัน
ตอบ ข. สามสิบวัน
ข้อ 64 ลูกจ้างประจำผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามระเบียบนี้ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนดในกรณีที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์กลับเข้าปฏิบัติราชการ ให้นำ ข้อ 55 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
41. การเสริมสร้างและพัฒนาให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย ให้กระทำโดยั
ก. การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี
ข. การฝึกอบรม
ค. การสร้างขวัญและกำลังใจ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
การเสริมสร้างและพัฒนาให้ลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย ให้กระทำโดยการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี การฝึกอบรม การสร้างขวัญและกำลังใจ การจูงใจหรือการอื่นใดในอันที่จะเสริมสร้างและการพัฒนาทัศนคติ จิตสำนึก และพฤติกรรมของลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้เป็นไปในทางที่มีวินัย
42. ในกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อยและมีเหตุอันควรงดโทษ จะงดโทษให้โดย
ก. ว่ากล่าวตักเตือน
ข. พักราชการ
ค. คุมความประพฤติ
ง. หักเงินเดือน
ตอบ ก. ว่ากล่าวตักเตือน
ในกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อยและมีเหตุผลอันควรงดโทษ จะงดโทษให้โดยว่ากล่าวตักเตือน หรือให้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือไว้ก่อนก็ได้ การลงโทษตามข้อนี้ ผู้บังคับบัญชาใดจะมีอำนาจสั่งลงโทษลูกจ้างประจำผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาในสถานโทษและอัตราโทษใดได้เพียงใด ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
43. ถ้าผู้มีอำนาจสั่งบรรจุเห็นว่าลูกจ้างประจำซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองงานมีผลประเมินต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด จะต้องออกคำสั่ง
ก. ให้ผู้นั้นทดลองงานเพิ่มอีก 3 เดือน
ข. ให้ผู้นั้นทดลองงานเพิ่มอีก 6 เดือน
ค. ให้ผู้นั้นออกจากราชการได้
ง. ให้ผู้นั้นรับราชการต่อไป
ตอบ ค. ให้ผู้นั้นออกจากราชการได้
การประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนดการประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 พิจารณาว่า ผู้นั้นมีความเหมาะสมที่จะให้รับราชการต่อไปหรือไม่ ถ้าผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 เห็นว่าผู้นั้นมีผลการประเมินต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไม่ควรให้รับราชการต่อไป ก็ให้สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการได้ ไม่ว่าจะครบกำหนดเวลาทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการแล้วหรือไม่ก็ตาม ถ้าพ้นกำหนดเวลาทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการดังกล่าวแล้ว และผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตาม ข้อ 13 เห็นว่าควรให้ผู้นั้นรับราชการต่อไป ก็ให้สั่งผู้นั้นรับราชการต่อไป