แนวข้อสอบ
พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
1. พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 บังคับใช้เมื่อใด
ก. 28 พฤษภาคม 2535 ค. 18 พฤษภาคม 2553
ข. 18 พฤษภาคม 2535 ง. 28 พฤษภาคม 2553
ตอบ ก. 28 พฤษภาคม 2535
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันถัดจากวัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. ใครคือผู้ลงนามผู้รับสนองพระบรมราชโองการในพรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535
ก. อานันท์ ปันยารชุน ค. อานันท์ ปันยารชุน
ข. พลเอก สุจินดา คราประยูร ง. พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
ตอบ ก. อานันท์ ปันยารชุน
3. ข้อใด ที่ พรบ. นี้ได้เปลี่ยนมาเป็น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ก. กระทรวงวิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม
ข. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
ค. กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
ง. กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
ตอบ ค. กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
4. ตาม พรบ.นี้มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม หมายความว่าอย่างไร
ก. ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำ
ข. ค่ามาตรฐานคุณภาพสัตว์ พืช
ค. ดุลยภาพของธรรมชาติ อันได้แก่ สัตว์ พืช
ง. ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำ อากาศ เสียง และ สภาวะอื่นๆ
ตอบ ง. ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำ อากาศ เสียง และ สภาวะอื่นๆ
“มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม” หมายความว่า ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำ อากาศ เสียง และ สภาวะอื่นๆ ของสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดเป็นเกณฑ์ทั่วไปสำหรับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
5. ใครคือผู้แต่งตั้ง เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ข. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ด้านอำนวยการ)
ง. ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
“เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการเกี่ยวกับ การควบคุมมลพิษตามพระราชบัญญัตินี้
6. ข้อใดที่คือองค์กรที่ไม่มีสิทธิขอจดทะเบียนเป็นองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ก. องค์กรเอกชนซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย
ข. ที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ค. มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง หรือมุ่งค้าหากำไรจากการประกอบกิจกรรมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ง. องค์กรเอกชนซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศ
ตอบ ค. มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง หรือมุ่งค้าหากำไรจากการประกอบกิจกรรมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
มาตรา 7 เพื่อเป็นการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้องค์กรเอกชนซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย หรือกฎหมายต่างประเทศที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และมิได้มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง หรือมุ่งค้าหากำไรจากการประกอบกิจกรรมดังกล่าว มีสิทธิขอจดทะเบียนเป็นองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม* ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
7. ใครมีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรการป้องกันและจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขสถานการณ์อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ หรือภาวะมลพิษที่เกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษ
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ข. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ด้านอำนวยการ)
ง. ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มาตรา 10 เพื่อเป็นการป้องกันแก้ไข ระงับหรือบรรเทาเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุภยันตราย จากภาวะมลพิษตามมาตรา 9 ให้รัฐมนตรีกำหนดมาตรการป้องกันและจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อ แก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า
8. ใครคือประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ง. ปลัดกระทรวงกลาโหม
ตอบ ข. นายกรัฐมนตรี
9. ใครมีอำนาจแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวงกลาโหม
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิงแวดล้อม
ตอบ ข. คณะรัฐมนตรี
10. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีว่าระอยู่ในตำแหน่งความละกี่ปี
ก. 6 ปี ค. 4 ปี
ข. 5 ปี ง. 3 ปี
ตอบ ง. 3 ปี
11. กรณีที่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มในระหว่างที่กรรมการคนเดิมยังเหลือวาระอยู่ กรรมการคนที่แต่ตั้งเพิ่มต้องรำรงตำแหน่งกี่ปี
ก. เต็มวาระ 3 ปี
ข. ครึ่งหนึ่งของวาระที่กำหนดตาม พรบ. นี้
ค. ดำรงตำแหน่งเท่าวาระที่เหลือของ กรรมการคนเดิม
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. ดำรงตำแหน่งเท่าวาระที่เหลือของ กรรมการคนเดิม
มาตรา 14 ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราว ละสามปี แต่อาจได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้เป็นระยะเวลาติดต่อกันไม่เกินอีกหนึ่งวาระ
ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับ แต่งตั้งไว้แล้ว
12. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อใด
ก. ตาย
ข. เป็นบุคคลล้มละลาย
ค. เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 15 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๔ กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) เป็นบุคคลล้มละลาย
(4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(6) คณะรัฐมนตรีให้ออก เพราะไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ หรือมีความประพฤติ เสื่อมเสียหรือมีส่วนได้เสียในกิจการหรือธุรกิจใดๆ ที่อาจมีผลกระทบโดยตรงหรือก่อให้เกิด ความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
13. กองทุนที่จัดตั่งขึ้นตาม พรบ. นี้ คือกองทุนใด
ก. กองทุนสิ่งแวดล้อม
ข. กองทุนทรัพยากรธรรมชาติ
ค. กองทุนพัฒนาสิ่งแวดล้อม
ง. กองทุนพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ
ตอบ ก. กองทุนสิ่งแวดล้อม
14. ข้อใดคือเงินและทรัพย์สินของกองทุนสิ่งแวดล้อม
ก. เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามจำนวนที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ข. เงินที่โอนมาจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการพัฒนาสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
ค. เงินจากดอกผลและผลประโยชน์ใดๆ ที่เกิดจากกองทุนนี้
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
15. ส่วนใดมีหน้าที่เก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนสิ่งแวดล้อม
ก. กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
ข. สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. สำนักคณะกรรมการคุณวุฒิ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตอบ ก. กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
มาตรา 22 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า “กองทุนสิ่งแวดล้อม” ในกระทรวงการคลังประกอบด้วยเงินและทรัพย์สินดังต่อไปนี้
(1) เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามจำนวนที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
(2) เงินที่โอนมาจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการพัฒนาสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิต ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๕
(3) เงินค่าบริการและค่าปรับที่จัดเก็บตามพระราชบัญญัตินี้
(4) เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นคราวๆ
(5) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับจากภาคเอกชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ
(6) เงินจากดอกผลและผลประโยชน์ใดๆ ที่เกิดจากกองทุนนี้
(7) เงินอื่นๆ ที่ได้รับมาเพื่อดำเนินการกองทุนนี้
ให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนสิ่งแวดล้อม และดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุนสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัตินี้
16. ใครคือประธาน กองทุนสิ่งแวดล้อม
ก. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ข. รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ง. รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตอบ ก. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
17. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ของกองทุนสิ่งแวดล้อม มีไม่เกินกี่คน
ก. 3 คน ค. 5 คน
ข. 4 คน ง. 6 คน
ตอบ ค. 5 คน
มาตรา 24 ให้มีคณะกรรมการกองทุนคณะหนึ่งประกอบด้วย ปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม*เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง* อธิบดีกรม โรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่* อธิบดีกรมควบคุม มลพิษ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินห้าคน ซึ่ง คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งเป็นกรรมการ และเลขาธิการสำนักงานนโยบายและ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม*เป็นกรรมการและเลขานุการ
18. ข้อใดไม่ใช่มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ก. มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งรวมทั้งบริเวณพื้นที่ปากแม่น้ำ
ข. มาตรฐานคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค
ค. มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป
ง. มาตรฐานระดับเสียงและความสั่นสะเทือนโดยทั่วไป
ตอบ ข. มาตรฐานคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค
มาตรา 32 เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดมาตรฐาน คุณภาพ สิ่งแวดล้อมในเรื่องต่อไปนี้
(1) มาตรฐานคุณภาพน้ำในแม่น้ำลำคลอง หนอง บึง ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำและแหล่ง น้ำสาธารณะอื่นๆ ที่อยู่ภายในผืนแผ่นดิน โดยจำแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์บริเวณพื้นที่ ลุ่มน้ำในแต่ละพื้นที่
(2) มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งรวมทั้งบริเวณพื้นที่ปากแม่น้ำ
(3) มาตรฐานคุณภาพน้ำบาดาล
(4) มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป
(5) มาตรฐานระดับเสียงและความสั่นสะเทือนโดยทั่วไป
(6) มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเรื่องอื่นๆ
19. ใครมีอำนาจให้ความเห็นชอบแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ก. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ปลัดกระทรวงกลาโหม
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
20. ข้อใดไม่ใช่ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด
ก. แผนการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด
ข. แผนการจัดเก็บภาษีอากรและค่าบริการเพื่อการดำเนินการ และบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียรวมหรือระบบการกำจัดของเสีย
ค. แผนการตรวจสอบ ติดตาม และควบคุมการปล่อยทิ้งน้ำเสียและของเสียอย่างอื่นจากแหล่งกำเนิดมลพิษ
ง. แผนการขยายการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด
ตอบ ง. แผนการขยายการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด
21. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดที่จะเสนอต่อส่วนใด
ก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจังหวัด
ค. คณะกรรมการควบคุมมลพิษ
ง. ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ตอบ ก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
มาตรา 38 แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดที่จะเสนอ ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จะต้องเป็นแผนปฏิบัติการที่เสนอระบบการจัดการ คุณภาพสิ่งแวดล้อมตามแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึง สภาพความรุนแรงของปัญหาและเงื่อนไขต่างๆ ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของ จังหวัดนั้น และควรจะต้องมีสาระสำคัญในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) แผนการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด
(2) แผนการจัดหาและให้ได้มาซึ่งที่ดิน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ที่จำเป็น สำหรับการก่อสร้าง ติดตั้ง ปรับปรุง ดัดแปลง ซ่อมแซม บำรุงรักษาและดำเนินการระบบบำบัด น้ำเสียรวม หรือระบบกำจัดของเสียรวมของส่วนราชการหรือราชการส่วนท้องถิ่น
(3) แผนการจัดเก็บภาษีอากรและค่าบริการเพื่อการดำเนินการ และบำรุงรักษาระบบ บำบัดน้ำเสียรวมหรือระบบการกำจัดของเสียรวมตาม (๒)
(4) แผนการตรวจสอบ ติดตาม และควบคุมการปล่อยทิ้งน้ำเสียและของเสียอย่างอื่น จากแหล่งกำเนิดมลพิษ
(5) แผนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการละเมิด และฝ่าฝืน กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษ การอนุรักษ์ธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ศิลปกรรม
22. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดที่จะได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติจะต้องเสนอเรื่องใดในลำดับแรก
ก. แผนการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด
ข. แผนการตรวจสอบ ติดตาม และควบคุมการปล่อยทิ้งน้ำเสีย
ค. ประมาณการเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินกองทุน สำหรับการก่อสร้างหรือดำเนินการ
ง. แผนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการละเมิด
ตอบ ค. ประมาณการเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินกองทุน สำหรับการก่อสร้างหรือดำเนินการ
23. การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะต้องดำเนินการในพื้นที่ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างพื้นที่กี่จังหวัด
ก. 5 จังหวัด ค. 3 จังหวัด
ข. 4 จังหวัด ง. 2 จังหวัด
ตอบ ง. 2 จังหวัด
มาตรา 41 ในกรณีที่การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะต้องดำเนินการ ในพื้นที่ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างพื้นที่ของสองจังหวัดขึ้นไปเนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์หรือ ระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติของพื้นที่นั้นหรือเพื่อประโยชน์ในการจัดการอย่างเป็นระบบตาม หลักการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกต้องและเหมาะสม ให้ผู้ว่า ราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการตามมาตรา 37
24. รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมได้จากคำแนะนำของส่วนใด
ก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจังหวัด
ค. คณะกรรมการควบคุมมลพิษ
ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
มาตรา 43 ในกรณีที่ปรากฏว่าพื้นที่ใดมีลักษณะเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารหรือมีระบบ นิเวศน์ตามธรรมชาติที่แตกต่าง จากพื้นที่อื่นโดยทั่วไป หรือมีระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติที่ อาจถูกทำลายหรืออาจได้รับผลกระทบกระเทือนจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ได้โดยง่ายหรือ เป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติหรือศิลปกรรมอันควรแก่การอนุรักษ์และพื้นที่นั้นยังมิได้ถูก ประกาศกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่นั้นเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
25. การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่จัดทำโดรข้าราชการต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ในระยะใด
ก. ตั้งแต่ในระยะการจัดทำรูปแบบโครงการ
ข. ตั้งแต่ในระยะดำเนินโครงการในวันแรก
ค. ตั้งแต่ในระยะทำผลการประเมินโครงการ
ตอบ ก. ตั้งแต่ในระยะทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ
26. ในโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนเริ่มการก่อสร้างหรือดำเนินการต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายนั้นและส่วนใด
ก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ข. สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. สำนักงานนโยบายการควบคุมมลพิษ
ง. ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
ตอบ ข. สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มาตรา 48 ในกรณีที่โครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 46 เป็นโครงการหรือกิจการซึ่งจะต้องได้รับอนุญาต จากทางราชการตามกฎหมายก่อนเริ่มการก่อสร้างหรือดำเนินการให้บุคคลผู้ขอ อนุญาตเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตาม กฎหมายนั้น และต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม* ในการเสนอรายงานดังกล่าวอาจจัดทำเป็นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด
27. ในกรณีเสนอโครกการแล้วมีเอกสารข้อมูลไม่ครบถ้วนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องแจ้งต่อผู้ขออนุญาตมาแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 15 วัน
ข. 20 วัน ง. 7 วัน
ตอบ ค. 15 วัน
มาตรา 48 วรรคสาม ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม*ตรวจสอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและเอกสารที่เกี่ยวข้องที่ มาตรา 46 วรรคสอง หรือมีเอกสารข้อมูลไม่ครบถ้วน ให้สำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม*แจ้งให้บุคคลผู้ขออนุญาตที่เสนอรายงานทราบภายใน กำหนดเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับการเสนอรายงานนั้น
28. กรณีที่เอกสารที่เกี่ยวข้องที่เสนอมาถูกต้องสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องพิจารณาเสนอความเห็นเบื้องต้นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน
ก. 30 วัน ค. 15 วัน
ข. 20 วัน ง. 7 วัน
ตอบ ก. 30 วัน
29. มาตรา 48 วรรคสี่ในกรณีที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม*พิจารณาเห็นว่า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและเอกสารที่เกี่ยวข้องที่เสนอมาถูกต้องและมีข้อมูลครบถ้วน หรือได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องครบถ้วนตามวรรคสามแล้ว ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม* พิจารณาเสนอความเห็นเบื้องต้นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับการเสนอรายงานนั้น เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาต่อไป
30. ใครคือประธานคณะกรรมการควบคุมมลพิษ
ก. รัฐมนรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ข. รองรัฐมนรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ง. รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตอบ ค. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
31. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการควบคุมมลพิษ
ก. วางแผนการจัดเก็บภาษีอากรและค่าบริการเพื่อการดำเนินการ
ข. ประสานงานระหว่างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อควบคุม ป้องกัน ลด หรือขจัดมลพิษ
ค. ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการกำหนดประเภทของแหล่งกำเนิดมลพิษ
ง. เสนอแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันหรือแก้ไขอันตรายอันเกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษหรือภาวะมลพิษ
ตอบ ก. วางแผนการจัดเก็บภาษีอากรและค่าบริการเพื่อการดำเนินการ
32. คณะกรรมการควบคุมมลพิษจะต้องทำรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์มลพิษเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติปีละกี่ครั้ง
ก. 5 ครั้ง ค. 3 ครั้ง
ข. 2 ครั้ง ง. 1 ครั้ง
ตอบ ง. 1 ครั้ง
มาตรา 53 ให้คณะกรรมการควบคุมมลพิษมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) เสนอแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันหรือแก้ไขอันตรายอันเกิดจากการแพร่กระจาย ของมลพิษหรือภาวะมลพิษต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(2) เสนอความเห็นเกี่ยวกับการให้มีการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุง กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม ป้องกัน ลด หรือขจัดมลพิษต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ
(3) เสนอความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการส่งเสริมด้านภาษีอากรและการลงทุน ของเอกชนเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษและการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(4) เสนอแนะการกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับระบบบำบัดน้ำเสียรวมหรือระบบ กำจัดของเสียรวมของทางราชการต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(5) ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด ตามมาตรา ๕๕
(6) ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการกำหนดประเภทของแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้อง ปฏิบัติตามมาตรา ๖๘ และมาตรา ๖๙
(7) ให้คำแนะนำในการออกกฎกระทรวงกำหนดชนิดและประเภทของของเสีย อันตรายตามมาตรา ๗๙
(8) ประสานงานระหว่างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อควบคุม ป้องกัน ลด หรือขจัดมลพิษ
(9) จัดทำรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์มลพิษเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติปีละหนึ่งครั้ง
(10) พิจารณาวินิจฉัยการคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษตาม พระราชบัญญัตินี้
(11) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นให้เป็น อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ
(12) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมอบหมาย
คณะกรรมการควบคุมมลพิษอาจตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาและปฏิบัติการอย่าง หนึ่งอย่างใด ตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษจะมอบหมายก็ได้
33. ใครมีอำนาจหน้าที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้ท้องที่นั้นเป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ
ก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการควบคุมมลพิษ
ค. รัฐมนรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ง. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตอบ ก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
มาตรา 59 ในกรณีที่ปรากฏว่าท้องที่ใดมีปัญหามลพิษซึ่งมีแนวโน้มที่จะร้ายแรงถึง ขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนหรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อ คุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอำนาจประกาศในราชกิจจา นุเบกษากำหนดให้ท้องที่นั้นเป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ ได้
34. ยานพาหนะที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและเสียงในการออกคำสั่งห้ามในการใช้ยานพาหนะนั้นต้องทำเครื่องหมายที่เป็นอักษรที่เป็นข้อความว่าอย่างไร
ก. ห้ามใช้เด็ดขาด
ข. ห้ามใช้ชั่วคราว
ค. ไม่ได้รับอนุญาต
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
มาตรา 66 ในการออกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะตามมาตรา 65 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งทำเครื่องหมายให้เห็นปรากฏเด่นชัดเป็นตัวอักษรที่มีข้อความว่า “ห้ามใช้เด็ดขาด” หรือ “ห้ามใช้ชั่วคราว” หรือเครื่องหมายอื่นใดซึ่งเป็นที่รู้และเข้าใจของประชาชนโดยทั่วไปว่ามีความหมายอย่างเดียวกันไว้ ณ ส่วนใดส่วนหนึ่งของยานพาหนะนั้นด้วย
35. ใครมีหน้าที่ต้องเก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบหรืออุปกรณ์ระบบบำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดของเสีย
ก. เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ
ข. เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ
ค. คณะกรรมการควบคุมมลพิษ
ง. พนักงานตรวจสอบประเมินผลการควบคุมมลพิษ
ตอบ ก. เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ
มาตรา 81 เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ ซึ่งมีระบบบำบัดอากาศเสีย อุปกรณ์ หรือเครื่องมือสำหรับควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียหรือมลพิษอื่น ระบบบำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดของเสีย ตามมาตรา 68 หรือมาตรา 70 เป็นของตนเองมีหน้าที่ต้องเก็บสถิติ และข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบหรืออุปกรณ์ และเครื่องมือดังกล่าวในแต่ละวัน และจัดทำบันทึกรายละเอียดเป็นหลักฐานไว้ ณ สถานที่ตั้งแหล่งกำเนิดมลพิษนั้น และจะต้อง จัดทำรายงานสรุปผลการทำงานของระบบ หรืออุปกรณ์และเครื่องมือดังกล่าวเสนอต่อเจ้า พนักงานท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่แหล่งกำเนิดมลพิษนั้นตั้งอยู่อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
36. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ
ก. เข้าไปในอาคาร สถานที่และเขตที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมหรือแหล่งกำเนิดมลพิษ
ข. ออกคำสั่งเป็นหนังสือสั่งปรับเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษซึ่งมิใช่โรงงานอุตสาหกรรม
ค. ออกคำสั่งเป็นหนังสือสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตรับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย
ง. เก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบหรืออุปกรณ์ระบบบำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดของเสีย
ตอบ ง. เก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบหรืออุปกรณ์ระบบบำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดของเสีย
37. เจ้าหน้าที่ควบคุมมลพิษสามารถเข้าไปในอาคารสถานที่และเขตที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมหรือแหล่งกำเนิดมลพิษได้ในเวลาใด
ก. ตลอดเวลา
ข. เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก
ค. ในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสภาพการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข และ ค
มาตรา 82 เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษมีอำนาจ ดังต่อไปนี้
(1) เข้าไปในอาคาร สถานที่และเขตที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมหรือแหล่งกำเนิดมลพิษ หรือเขต ที่ตั้งของระบบบำบัดน้ำเสียหรือระบบกำจัดของเสียของบุคคลใดๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ ตกหรือในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสภาพการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดของเสีย ระบบ บำบัดอากาศเสีย หรืออุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียหรือมลพิษอื่น รวมทั้งตรวจ บันทึกรายละเอียด สถิติ หรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของระบบ หรืออุปกรณ์และเครื่องมือดังกล่าว หรือเมื่อมีเหตุ อันควรสงสัยว่ามีการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
38. แหล่งกำเนิดมลพิษต้องได้รับผิดทางใด
ก. อาญา ค. แพ่ง
ข. อาญาเกี่ยวเนื่องแพ่ง ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. แพ่ง
39. แหล่งกำเนิดมลพิษฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องได้รับโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินห้าแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 98 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 หรือขัดขวางการ กระทำใดๆ ตามคำสั่งดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวหรือขัดขวางการกระทำใดๆ ตาม คำสั่งดังกล่าวเป็นผู้ซึ่งก่อให้เกิดอันตราย หรือความเสียหายจากภาวะมลพิษ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
40. ผู้ใดรับจ้างเป็นผู้ควบคุมหรือรับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย หรือกำจัดของเสียโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องได้รับโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินห้าแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 105 ผู้ใดรับจ้างเป็นผู้ควบคุมหรือรับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย หรือกำจัดของ เสียโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 73 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ